ถ้าตอบว่าใช่ เราแนะนำให้คุณอ่านบทความนี้ต่อไปจนจบ
บางทีคุณอาจจะค้นพบวิธีที่เรียนแล้วประสบความสำเร็จก็ได้
ขอเพียงแค่เปิดใจรับความคิดเห็นที่แตกต่างแค่นั้นพอ
เราจะไม่ขอพูดถึงการเรียนภาษาอังกฤษในห้องนะคะ
ไม่ว่าจะระดับประถมหรือมัธยม ลืมมันไปได้เลย
เรามานับ “หนึ่ง” ด้วยกัน ไม่ใช่สิ!
เรามาเริ่มจาก “ศูนย์” ด้วยกันเลยดีกว่า
จุดเริ่มต้นในการเรียนรู้ภาษาอังกฤษของเราเกิดขึ้นเมื่อคิดจะเปลี่ยนงาน
ตำแหน่งที่หมายตาเอาไว้ต้องใช้คะแนน TOEIC 850 คะแนน
(TOEIC ย่อมาจาก Test of English for International Communication
เป็นการทดสอบทักษะการใช้ภาษาอังกฤษสำหรับผู้ใหญ่
ที่ไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลัก)
เราเริ่มจริงจังกับภาษาอังกฤษ ศึกษาทุกอย่างด้วยตัวเอง
อ่านหนังสือ, เข้าเว็บต่าง ๆ , ดู Youtube ฯลฯ
เวลาผ่านไป 8 เดือน ปรากฏว่าล้มเหลวไม่เป็นท่า
(ความล้มเหลววัดจากผลทดสอบ TOEIC ออนไลน์)
สรุปวิธีที่เรียนแล้วไม่ประสบความสำเร็จ มี 3 ข้อใหญ่ ๆ คือ
1. เรียนอย่างไม่มีความสุข (บังคับตัวเองเรียน)
2. เรียนแบบท่องจำ (ไม่ได้เข้าใจจริง ๆ)
3. เรียนแบบไม่ต่อเนื่อง (ไม่ได้ทำทุกวัน)
ต่อมาเราได้รับคำแนะนำจากเพื่อนรุ่นน้องคนหนึ่ง
เค้าส่งลิงก์ละครฝรั่งมาให้ดู เพื่อฝึกทักษะการฟัง
มีแปลไทยข้างล่าง อ่านบ้างไม่อ่านบ้าง ตอนแรกดูไม่รู้เรื่องเลย
จุดสำคัญคือตอนจบ มีฉากที่ทำให้เราชอบตัวละครตัวหนึ่งขึ้นมา
และเริ่มศึกษาทุก ๆ อย่างเกี่ยวกับตัวละครตัวนั้น
แน่นอนว่า…ไม่มีภาษาไทยเลยแม้แต่คำเดียว!!!
แต่รู้อะไรมั้ย? เมื่อเราหลงใหลอะไรมาก ๆ เราจะมองไม่เห็นอุปสรรค
และไม่ต้องกลัวว่าจะไม่มีเวลาให้มัน
ตรงข้าม เราจะแบ่งเวลาให้มันมากเกินไป!!!
แถมไม่รู้สึกผิดอีกด้วย เพราะเราจะบอกตัวเองว่า
“ฉันกำลังฝึกภาษาอังกฤษอยู่นะ! เรื่องอื่นไว้ทีหลัง!”
และแล้ว…เราก็ค้นพบว่าการเรียนที่ประสบความสำเร็จก็คือ
“การเรียนรู้อย่างมีความสุขนั่นเอง!!!”
(ความจริงแล้วมันเป็นกุญแจดอดสำคัญที่จะทำให้
เราประสบความสำเร็จในทุก ๆ เรื่องที่ศึกษาอยู่)
ทักษะการฟัง พูด อ่าน และเขียนถูกพัฒนาขึ้นมาตามลำดับ
แน่นอนว่า การที่เราล้มเหลวมาหลายเดือน
เราก็ได้ค้นพบวิธีการเรียนที่ไม่ได้ผลมากมาย
ที่ถูกเขียนและแบ่งปันเอาไว้ตามเว็บไซต์ต่าง ๆ
(ถ้ามีโอกาสเราจะพูดถึงมันอีกครั้ง)
การฝึกทักษะต่าง ๆ เรียงตามการ ฟัง พูด อ่าน และเขียน
เป็นขั้นตอนการฝึกที่เป็นธรรมชาติที่สุดแล้ว
ปัญหาด้าน Grammar (ไวยากรณ์)
ไม่เคยเกิดขึ้นเลยในตอนฝึกฟัง และตอนฝึกพูด
แต่พอเริ่มอ่าน เราจะเห็นความแตกต่างของคำต่าง ๆ
เมื่อเริ่มเขียน เราจะเริ่มคิดถึงความถูกต้อง
ถ้ารู้สึกสงสัยขึ้นมาเมื่อไหร่ นั่นคือโอกาสดีที่สุดแล้ว
เพราะมันจะทำให้เราหาคำตอบด้วยการเรียนรู้
และซึมซับ Grammar ไปโดยไม่รู้ตัว
เราจะไม่คิดว่า Grammar เป็นเรื่องยาก ตรงข้าม!
มันเป็นเหตุเป็นผล และทำให้เราเข้าใจอะไรมากขึ้น
ไม่มีความสำเร็จได้เกิดขึ้นได้โดยไร้ความพยายาม
แต่ความพยายามที่ไร้ทิศทางจะทำให้เราเดินทางได้ช้าลง
วัตถุประสงค์เดียวที่เราต้องการแบ่งปันประสบการณ์เหล่านี้
เพราะไม่อยากให้ใครต้องเสียเวลาไปมากมายหลายเดือน
อย่างที่เราได้เคยเสียไปแล้ว…
ในหัวข้อต่อไปเราจะมาทำความรู้จักกับ Grammar กันนะคะ
แล้วพบกันค่ะ ^^
EmoticonEmoticon