A.AN,THE ในภาษาอังกฤษ ที่ต้องรู้!



เมื่อไหร่ที่เราใช้ A และ AN ?
‘A’ นั้นเอาไว้หน้าคำนามที่เป็นคำนามเอกพจน์ (singular noun) ที่เป็นนามนับได้ (countable noun) และขึ้นต้นด้วยพยัญชนะที่มีเสียงพยัญชนะ เช่น a book, a cat, a dog ฯลฯ โดยความหมายก็จะเป็นอย่างที่อธิบายไปข้างต้น คือไม่เฉพาะเจาะจง เป็นสิ่งทั่ว ๆ ไป

ส่วน ‘An’ นั้นเอาไว้นำหน้าคำนามที่เป็นคำนามเอกพจน์ (singular noun) ที่เป็นนามนับได้ (countable noun) แต่ต้องเป็นคำที่ขึ้นต้นด้วยเสียงสระ A, E, I, O, U หรือพยัญชนะที่ออกเสียงสระเท่านั้น อย่างเช่น An old book, an unreliable source เป็นต้น โดยที่ความหมายก็เหมือนกับการใช้ ‘A’ นั่นเอง
ถ้าอย่างนั้นแล้ว The มีไว้ทำอะไรล่ะ?

แน่นอนว่าเราเห็นคำว่า The บ่อยกว่าคำใด ๆ เวลาที่อ่านภาษาอังกฤษ ไม่มีทางที่เราจะไม่เจอสิ่งนี้ เนื่องจากคำว่า The นั้นมีคุณสมบัติพิเศษ เพราะเมื่อนำไปนำหน้าคำนามตัวไหน คำนามตัวนั้นก็จะมีความหมายเฉพาะเจาะจงขึ้นมาทันที เช่น ‘I need the boy’ (ฉันต้องการผู้ชายคนนั้น) ผู้ชายที่พูดถึงนี้ไม่ใช้ผู้ชายทั่ว ๆ ไปคนไหนก็ได้แบบ ‘I need a boy’ อีกต่อไปแล้ว ต้องเป็นผู้ชายที่ – ในสถานการณ์นั้น – ผู้พูดและผู้ฟังรับรู้ด้วยกันว่าเป็นคนไหน หรือว่าก่อนหน้านี้เคยมีการพูดถึงผู้ชายคนนี้มาก่อนแล้ว

แล้วเมื่อไหร่ถึงใช้ The ล่ะ?

ก่อนอื่น คำว่า The ใช้นำหน้าคำศัพท์ที่พยางค์หน้าออกเสียงได้ทั้งเสียงสระและเสียงพยัญชนะ แต่คำที่มีพยางค์แรกเป็นเสียงสระจะอ่านออกเสียง The ว่า ‘ดิ’ ส่วนคำที่ขึ้นต้นด้วยพยัญชนะออกเสียงว่า ‘เดอะ’ ปรกติ หลักการใช้ Article ชนิดนี้ต้องนำคำนามที่ตั้งใจให้มีการชี้เฉพาะลงไป ซึ่งจะแบ่งได้แบบนี้

ใช้คำนามที่เป็น บุพบทวลี (prepositional phrase)
เช่น ‘The woman in red dress is walking.’ (ผู้หญิงที่อยู่ในชุดสีแดงกำลังเดินอยู่) ตรงนี้ชัดเจนว่าเราไม่ได้จะหมายถึงผู้หญิงทั่วไป แต่จะหมายถึงผู้หญิง “คนนั้น” ที่ใส่ “ชุดสีแดง” ดังนั้นต้องนำด้วย The

ใช้นำคำนามเมื่อมีการกล่าวถึงสิ่งนั้นเป็นครั้งที่สอง
เช่น ‘She own a car and a bike. The car is broken down today so she rides the bike to work.’ (เธอมีรถยนต์หนึ่งคนกับจักรยานหนึ่งคน วันนี้รถยนต์(คันนั้น)เสียเธอจึงขี่จักรยาน(คันนั้น)มาทำงาน)

ยังไงแล้วอย่าลืมนำไปใช้กันให้ถูกวิธีด้วยน่ะ 

Share this

Related Posts

Previous
Next Post »